วงกลมที่โง่บัดซบ

เรามาดูความโง่บัดซบของคุณวงกลมกันต่อ  ผมขอยืนยันว่า คุณวงกลมนี่มันโง่แบบบัดซบจริงๆ โง่จนผมก็คาดไม่ถึง  โง่บัดซบตัวจริงเสียงจริงของแท้

ขอข้อความของคุณวงกลมโง่บัดซบอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

“ผู้ใดเห็นดวงธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ตถาคตคือ ธรรมกาย” นี่คือ คำพูดปลอมๆ ที่คิดแต่งขึ้น  ไม่ใช่พระธรรมจริง

สมาธิที่เห็นภาพก็เป็นเรื่องเห็นภาพ  มีการเห็นภาพอื่นมากมาย ในสมาธิเบื้องต้น ถ้าเชื่อว่าการเห็นภาพแบบนี้ เป็นการเห็นตามพระธรรม ก็เป็นการเข้าใจผิด

พระธรรม จากพระไตรปิฎก

พระวักกลิ ท่านปรินิพพาน  ท่านเห็นธรรมว่า ขันธ์5 ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา ท่านชื่อว่าเห็นพระตถาคต

(ท่านไม่ได้เห็น ดวงธรรม เห็น ธรรมกาย อย่างอย่างที่สร้างข้อความปลอมแต่อย่างใด เลย)

ต่อจากนั้น วงกลมที่โง่บัดซบ ก็ไปยกยก วักกลิสูตร ว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า มาเป็นหลักฐานยืนยัน ดังนี้

พ. อย่าเลย วักกลิ ร่างกายอันเปื่อยเน่าที่เธอเห็นนี้ จะมีประโยชน์อะไร?  ดูกร วักกลิ

ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม.

วักกลิ เป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม.

แล้ววงกลมที่โง่บัดซบ ก็เน้นข้อความของวักลิสูตรที่ว่า “วักกลิ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?”

วงกลมที่โง่บัดซบก็สรุปแบบตัวอักษรสีแดงที่ยกไปข้างบนคือ “พระวักกลิ ท่านปรินิพพาน  ท่านเห็นธรรมว่า ขันธ์5 ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา ท่านชื่อว่าเห็นพระตถาคต”

ตอนนี้มีวิเคราะห์ความคิดของวงกลมที่โง่บัดซบ ตัวนี้กันก่อน

ข้อความของวงกลมที่โง่บัดซบตัวนี้ ต้องมีคำอธิบายตามมาอีกมากมาย และวงกลมที่โง่บัดซบตัวนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้ด้วย

คำอธิบายทั้งหมดของวงกลมที่โง่บัดซบก็มีแค่นั้น 

วงกลมที่โง่บัดซบตัวนี้เขียนว่า  พระวักกลิ “ท่านเห็นธรรม”,  “ท่าน เห็น พระตถาคต”  คำศัพท์นั้น ใช้คำว่า “เห็น” แล้ววงกลมที่โง่บัดซบตัวนี้ มันใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการเห็น และมันเห็นอย่างไร 

นี่คือสิ่งที่วงกลมที่โง่บัดซบตัวนี้ ไม่เคยอธิบาย และอธิบายไม่ได้

โดยสรุป วงกลมที่โง่บัดซบ มันก็ไม่รู้ว่า พระวักกลิเห็นธรรมอย่างไร มันก็ไม่รู้อีกว่า พระวักกลิเห็นพระพุทธเจ้าอย่างไร

กลับมาดูคำอธิบายของสายวิชาธรรมกาย 

สายวิชาธรรมกายอธิบายว่า “ธรรมะ” ทุกหัวข้อมีลักษณะเป็นดวงทั้งสิ้น  นี่หมายความว่า ที่สุดละเอียด 

ขอยกตัวอย่างง่ายคือ กายของเรา  ก็ขอให้ดูกายของเรา ก็เป็นแท่งมีรยางค์ออกมา 5 เส้น ขา 2 ขา แขน 2 แขน หัวอีก 1 หัว

กายก็เป็นหัวข้อธรรมะ  ในที่สุดละเอียด กายของเราก็มีลักษณะเป็นดวงกลม  

ในวิชาธรรมกาย กายมาตรฐานของเรามี 18 กาย ที่ว่า กายมาตรฐานก็เป็นเพราะว่า กายแต่ละกายของ 18 กายก็มีกายละเอียดๆๆๆๆๆๆ เข้าไปอีก แบบนับไม่ถ้วน

แต่ละกายก็จะมีดวงธรรมของกายนั้นๆ   เมื่อมีกาย ก็ต้องมีดวงธรรมประจำตัว  ไม่มีกาย โดยไม่มีดวงธรรมไม่ได้

เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงธรรม จะมีขนาดเท่าหน้าตักของกายนั้นๆ  ดังนั้น เวลาเห็นกายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นของเราเอง หรือของพระพุทธเจ้าก็จะเห็นว่า กายนั้น นั่งอยู่ในดวงธรรม

คำอธิบายดังกล่าวนี้ ก็ไปอธิบายข้อความในวักลิสูตรที่ว่า

ดูกร วักกลิ ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม. วักกลิ เป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม.

ขอให้ผู้อ่านพิจารณาให้ดี  จะเห็นว่า คำอธิบายของวิชาธรรมกายนั้น สอดคล้องกับวักกลิสูตรจริงๆ

ไอ้ควายวงกลมที่โง่บัดซบ มันอธิบายตามความเชื่อของมัน ก็อธิบายไม่ได้ แต่มันเสือกโจมตีคำสอนของวิชาธรรมกายว่า “ปลอม” ขึ้น

ผมถึงว่า ไอ้ควายวงกลมที่โง่บัดซบ มันโง่สุดๆ

ต่อมาข้อความนี้ ของมัน

สมาธิที่เห็นภาพก็เป็นเรื่องเห็นภาพ  มีการเห็นภาพอื่นมากมาย ในสมาธิเบื้องต้น ถ้าเชื่อว่าการเห็นภาพแบบนี้ เป็นการเห็นตามพระธรรม ก็เป็นการเข้าใจผิด

นี่ก็ป็นหลักฐานแสดงความเป็นสมองหมา ปัญญาควายของมัน 

มันนะพูดถูกที่ว่า “มีการเห็นภาพอื่นมากมาย ในสมาธิเบื้องต้น” แต่มันเป็นเรื่องของวิชาของมัน  ซึ่งมันใช้วิชาอะไร ผมก็ไม่รู้  แต่มันไม่ใช่ของวิชาธรรมกาย

คือ ด้วยความโง่ของมัน  มันเอาประสบการณ์ของมัน วิชาของมัน มาวิพากษ์วิจารณ์วิชาธรรมกาย  มันถึงโง่ได้ลึกซึ้งแบบนั้น

วิชาธรรมกายนั้น มีหลักสูตรกำหนดมาก่อน  แล้วเด็กนักเรียนก็เห็นตามหลักสูตร  ไม่ได้เห็นไปเรื่อยเปื่อยแบบที่วงกลมที่โง่บัดซบมันไปเรียนมา

แล้วเด็กนักเรียนที่ผมสอนนั้น ผมขอยืนยันเป็นแสนคนขึ้นไป เพราะ สอนมาเป็น 10 ปีแล้ว วงกลมที่โง่บัดซบ มันไม่ดูจำนวนที่ผมสอน  มันหลับหูหลับตาปฏิเสธอย่างเดียว 

ขอให้สังเกตดูกระทู้ของ “ผลการปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกาย” นั้น  สมาชิกหน้าเก่าๆ ที่เคยุถกเถียงกับคุณสมาชิกหมายเลข 769319 ไม่กล้าเข้ามาให้ความเห็นแล้ว

เพราะหลักฐานจากรูปภาพ วิดิโอบันทึกการสอนดังกล่าว  คนปกติธรรมดาเขาก็มีสติยั้งคิดแล้ว และต้องคิดว่า เด็กมันต้องเห็นจริงๆ  ผมต้องสอนได้ผลจริงๆ

ถ้าจะเถียงกัน  มันก็ควรมาเถียงว่า “สิ่งที่เด็กเห็นนั้น จริงหรือเปล่า”  เออ....... อย่างนี้ค่อยน่าเสวนากันหน่อย