พอควายนรกภูมิธรรมตั้งกระทู้ไปแล้ว
พวกสมองหมา ปัญญาควายก็มาเริ่มให้ความคิดเห็นกันเลย ถึงกระทั่งที่ผมเขียนบทความนี้
มีเพียง 9 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่
1 คือ ควาย firstini
chemistani
นั่นเขาใช้นิมิตในการแสดงอารมณ์ทางจิตครับ
อย่างจิตตานุสสติปัฏฐานก็เหมือนกัน ใช้เจโตปริยญาณในการดูจิตของตัวเอง
ถ้าได้ทิพจักขุญาณเขาจะทรงอารมณ์ดูไว้ตลอด ถ้าไม่ได้
ใช้ความรู้สึกอารมณ์กระทบแทน
|
ความคิดเห็นของพวกควายในพันธุ์ทิพย์จะเป็นไปในลักษณะนี้
เป็นส่วนใหญ่ คือ ให้ความคิดเห็นโดยไม่หลักฐานใดๆ ประกอบ
คำสอนของวิชาธรรมกายนั้น นิมิตใช้เพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น
หลังจากที่เห็นดวงปฐมมรรคแล้ว หลังจากนั้น ไม่ใช่นิมิตแล้ว
และการเห็นในวิชาธรรมกาย
ไม่ใช่เป็นดวงตลอดไป ขึ้นอยู่กับวิชาที่จะเรียน
แต่ในขั้นวิชา 18 กาย ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐาน จะเห็นดวงธรรมกับกาย
วิชาธรรมกายสอนว่า
“ดวงเวทนา” ไม่ใช่นิมิต ไอ้ควายพวกนี้ เป็น
“นิมิต” แล้วมันจะคุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร
เมื่อความคิดเห็นที่
1 ลงไปแล้ว ก็มีคนมาให้ความคิดกันอีก 3 ความคิดเห็น ควายนรกภูมิธรรมจึงมาตอบความคิดเห็นที่ 1
ในความคิดเห็นที่ 5 ดังนี้
คห 1 ครับ แค่ดูจิตตัวเอง ไม่ต้องใช้เจโตนะครับ
เจโตใช้สำหรับดูจิตผู้อื่น
เวลาดูจิตตนเอง เช่น โกรธก็ให้รู้ ดีใจก็ให้รู้ เสียใจก็ให้รู้
ทุกคนทำได้หมด ยกเว้นคนบางจำพวก เช่น คนบ้า
ในพระสูตรท่านให้ดูจิต แต่ธรรมกายดันไปดูนิมิต
แล้วก็โมเมว่าทำจิตตาอยู่ นิมิตนี่เป็นหนึ่งในวิปัสสนูกิเลส 10 ที่ควรละ
|
จะเห็นว่า
ไอ้ควายนรกภูมิธรรมมันก็เหมือนควายตัวอื่นๆ ในฝูงนี้ คือ วิชาธรรมกายบอกว่า
ดวงเวทนาเป็นดวงจริงๆ เห็นได้
ไอ้ควายพวกนี้
ไม่ฟังเสียง ย้ำแล้วย้ำอีกว่า “เป็นนิมิต”
ไม่รู้ว่ามันจะโง่ไปถึงไหน
ควายตัวต่อมา
คือ ควายในคอกพันธุ์ทิพย์ซึ่งผมจัดสรรไว้นานแล้ว คือ ควาย cantona_z
่ข้อความที่ยกมาก็ชัดอยู่แล้วนี่ครับว่าไม่มีประโยคไหนเหมือนหรือเกี่ยวข้องกันเลย
ตามวิชาธรรมกาย ให้พิจารณา นิมิตคือดวงเวทนา
ว่าใสไม่ใส ขุ่นไม่ขุ่น ใสคือสุข ขุ่นคือทุกข์ น้ำตาลคือกลางๆ
ตามพระไตรปิฏก ให้พิจารณาเวทนาอันเกิดจากผัสสะกระทบ
เป็นสุขทุกข์ ก็รู้ว่าสุขทุกข์ มีอามิส ไม่มีอามิสก็ให้รู้ว่ามีอามิสไม่มีอามิส แล้วก็ให้พิจารณาความเกิดความเสื่อมของเวทนานั้น
ก็ไม่เห็นมีอะไรที่เหมือนกันเลย
|
ควายตัวนี้
ก็เหมือนควายตัวข้างบน คือ ยัดเยียดว่า ดวงเวทนาเป็นนิมิต
การวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้
มันผิดหลักวิชาการ ในทางวิชาธรรมกายบอกว่า
“ดวงเวทนาไม่ใช่ดวงนิมิต” คนวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องยึดถืออย่างนั้น
แล้วจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็ว่าไป เช่น ไม่เห็นว่า พระไตรปิฎกจะกล่าวไว้อย่างนั้น
เป็นต้น
ที่ถูกที่ควรก็จะต้องบอกว่า
ในพระไตรปิฎกเขียนไว้อย่างนั้น พวกมึงเห็นว่าเป็นอย่างไรด้วย
พวกมึงไม่ยอมบอกเลยว่า
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานในพระไตรปิฎกคืออย่างไร หมดเม็ดไม่เขียนถึง มึงได้แต่วิพากษ์วิจารณ์ผิดๆ เพี้ยนอย่างเดียว
ตามประสาควายเท่านั้น
เอาข้อเขียนของไอ้ควาย
cantona_z ตัวนี้ก็ได้ ที่มันเขียนว่า “ตามพระไตรปิฏก ให้พิจารณาเวทนาอันเกิดจากผัสสะกระทบ” มันเป็นอย่างไรล่ะ
เพราะในพระไตรปิฎกก็ไม่มีคำว่า
“ผัสสะ” ไม่มีคำว่า “กระทบ”
ผมขอยกเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานของแท้
ซี่งไม่มีข้อความมาแทรกอย่างที่ควายนรกภูมิธรรมยกมา ดังนี้
ข้อให้สังเกตว่า
มีคำว่า “ผัสสะ” หรือไม่ มีคำว่า “กระทบ”
หรือไม่ ในเมื่อไม่มีในพระสูตร
แล้วไอ้ควาย cantona_z มันไปตีความมาจากข้อความใด
จะเห็นว่า
ไม่มีคำอธิบายใดๆ หรือมีหลักฐานใดๆ จากควายจำพวกนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น