ดวงมาจากไหน

ในบทความ “ปฏิจจสมุปบาท” ผมจึงนำเอาคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่สอนเรื่องนี้ให้อ่านกันไปแล้ว

กลับมาเข้าเรื่อง พอคุณสมาชิกหมายเลข 769319 เสนอหลักฐานคือ ลิงก์ของหนังสือมรรคผลพิสดาร ควาย cantona_z ไม่ยอมพูดถึงเรื่อง “ปฏิจจสมุปบาท” แต่เปลี่ยนเรื่องไปอีก คือ ไปถามว่า “ดวงมาจากไหน”  ดังนี้

“ดวง" มาจากไหนครับ

อย่ามั่วตีความให้เป็นสัทธรรมปฏิรูปครับ พระสูตรนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับวิชชาธรรมกายที่หลวงพ่อสดเพิ่งคิดค้นขึ้นมาเมื่อ 2500ปี หลังพุทธปรินิพพานเลยครับ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=17&A=2680&Z=2799

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค

๕. วักกลิสูตร  ว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่า เห็นพระพุทธเจ้า

จากการที่ได้อ่านการปะทะสังสรรค์ระหว่างควายกับคนมาพักหนึ่ง ผมยืนยันว่า ควาย cantona_z โง่ตัวจริง เสียงจริง

ไม่ได้มีหลักความเป็นเหตุเป็นผลในตัวเอง อ่านมาจำแล้วเชื่อ แล้วปิดความรู้อื่นๆ ออกไปทั้งหมด แช่งมันทั้งโคตร ทั้งเหง้าก็ถูกแล้ว

ผมขอย้ำอีกว่า ในการศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเป็นวิชาการนั้น จะต้องอาศัยการตีความเพื่ออธิบายเนื้อความของพระไตรปิฏก

ไม่ใช่ไปตรวจสอบทีละคำๆ ว่า คำนี้มีในพระไตรปิฎกไหม วิชานั้นมีในพระไตรปิฎกหรือไม่ เพราะ เอาเข้าจริงๆ แล้ว

การปฏิบัติธรรมในเมืองไทย ไม่มีในพระไตรปิฎกทั้งหมด ไม่ว่าสัมมา อะระหัง พุทลมเข้า โทลมออก ยิ่งยุบหนอพองหนอก็ยิ่งไม่มีใหญ่เลย เพราะ คำภาวนาเป็นภาษาไทย

อย่างไรก็ดี พระพุทธองค์ก็ทรงให้เกณฑ์ในการตัดสินว่า คำสอนใดถูกต้องร่องรอยในศาสนาพุทธหรือไม่ ก็ให้ตีความเหมือนกัน ดังนี้

เอามาจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

[166] มหาปเทส 4

1. หากมีภิกษุกล่าวว่า ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุสาสน์

2. หากมีภิกษุกล่าวว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีสงฆ์อยู่ พร้อมด้วยพระเถระ พร้อมด้วยปาโมกข์ ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุสาสน์

3. หากมีภิกษุกล่าวว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นพระเถระอยู่จำนวนมาก เป็นพหูสูต ถึงอาคม (คือชำนาญในพุทธพจน์ทั้ง 5 นิกาย) ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุสาสน์

4. หากมีภิกษุกล่าวว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นพระเถระอยู่รูปหนึ่ง เป็นพหูสูต ถึงอาคม ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุสาสน์

เธอทั้งหลาย ยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น พึงเรียนบทและพยัญชนะ (ทั้งข้อความและถ้อยคำ) เหล่านั้นให้ดีแล้ว พึงสอบดูในสูตรเทียบดูในวินัย

ก. ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า นี้มิใช่ดำรัสของพระผู้มีพระภาคแน่นอน ภิกษุนี้ (สงฆ์นั้นพระเถระเหล่านั้น พระเถระรูปนั้น) ถือไว้ผิด พึงทิ้งเสีย

ข. ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า นี้เป็นดำรัสของพระผู้มีพระภาคแน่แท้ ภิกษุนี้ (สงฆ์นั้น พระเถระเหล่านั้น พระเถระรูปนั้น) รับมาด้วยดี

ข้อให้ดูข้อความที่เน้นสีแดง  จะเห็นการตรวจสอบคำสอนในพระไตรปิฎกนั้น ต้องตรวจสอบทั้งข้อความและถ้อยคำ 

ไม่ใช่ไปถามว่า “มีไหมในพระไตรปิฎก” มันจะมีตรงๆ ได้อย่างไร  มันก็ต้องอาศัยการตีความเพื่ออธิบายทั้งนั้น

ในตอนนี้ ขอพิสูจน์อย่างให้เห็นกันจะจะ ก็คือ การสอนให้เห็นกายในกาย ณ ภายนอกกันเลย ที่นี่

จะเห็นว่า เด็กต้องเห็นดวงธรรมก่อน  นี่ไง “ดวงธรรม”

ดูการวาดภาพด้วยก็ได้

ถึงจะมีหลักฐานกันให้เห็นจะจะแบบนี้ ควาย cantona_z มันก็ไม่ยอมรับอยู่ดี  มันก็เชื่อความรู้เก่าๆ ของมัน ตามประสา

คนที่อยากรู้จริงๆ ไปเลย  ไปถามนักเรียน ถามครูที่โรงเรียน ทั้งหมดนั้น ยังมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น