บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์.... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989...
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู...

จิตเป็นนามธรรม



ผมได้บอกไปแล้วว่า ไอ้ควายนรกภูมิธรรม มันเป็นพวก  โง่แล้วขยัน” ซึ่งทำลายหมู่คณะมาแล้วไม่รู้ว่า เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่  คราวนี้มาดูความโง่แล้วขยันของมัน

มันวิพากษ์วิจารณ์หลวงพ่อวัดปากน้ำไว้ ดังนี้

1. จิตเป็นนามธรรม มีรูปร่างด้วยหรือ ถ้ามีรูปร่างจะเรียกว่า เป็นนามได้หรือ หลวงพ่อสด ดวงจิตของมนุษย์นี้เท่าดวงตา....

2. พระไตรปิฏก คำว่า "รู้" เต็มไปหมด หลวงพ่อสด ต้องกล่าว “เห็น”นะ ไม่ใช่กล่าว “รู้” พอเข้าใจข้อ 1 ผิด ข้อ 2 เลยเข้าใจผิดด้วย นึกว่าเห็นได้

3. พระไตรปิฏก จิตมีราคะ โทสะ โมหะ... ก็รู้... เฝ้าพิจารณาเห็นจิตในจิต.... หลวงพ่อสด จิตของกายมนุษย์ละเอียด ที่ฝันออกไปนั้นเรียกว่า จิตในจิต

ถ้าอ่านภาษาไทยออก แบบไม่ลำเอียง คงเข้าใจนะว่า หลวงพ่อสอนบิดเบือนขนาดไหน

ถ้าจะอ้างว่าวิชาธรรมกายสูญหายไป ของที่สูญหายไปทำไมมันขัดแย้งกับที่ยังอยู่ทุกประโยคเลยล่ะ

ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป ขอยกส่วนที่ไอ้ควายนรกภูมิธรรมมันยกมาก่อน  ข้อความนั้นเป็นคำเทศน์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ เรื่อง “สติปัฏฐานสูตร” เทศน์เมื่อ วันที่ 3 ตุลาคม 2497 ดังนี้



 ในส่วนที่ระบายสีเหลืองนั้น  ไอ้ควายนรกภูมิธรรมไม่ได้ยกมา  อาจจะเห็นว่า “ไม่เกี่ยว” แต่ผมเห็นว่า เกี่ยว เลยยกมาให้ดูทั้งหมดในส่วนนั้น

วันนี้ วิพากษ์วิจารณ์เฉพาะข้อที่ 1 ที่ว่า “1. จิตเป็นนามธรรม มีรูปร่างด้วยหรือ ถ้ามีรูปร่างจะเรียกว่า เป็นนามได้หรือ หลวงพ่อสด ดวงจิตของมนุษย์นี้เท่าดวงตา....

ควายนรกภูมิธรรมมันเป็นควายธรรมดาๆ ที่โง่กว่าคนอื่นหน่อยเท่านั้นเอง  คือ มันไปอ่านหนังสือมา ส่วนใหญ่พวกสมองหมา ปัญญาควายเขียนไว้ว่า “จิตเป็นนามธรรม”

มันก็เชื่อไปตามประสาควายของมัน  ไม่มีการคิด ไม่มีการสงสัย  ผมได้เขียนบล็อกไปแล้วว่า “จิตไม่เป็นนามธรรม

หาอ่านได้ที่นี่

01) ไม่ใช่คนเดิม ไม่ใช่คนอื่น
02) แปลงศัพท์ให้ผิดเพี้ยน
03) ความหมายที่แปลกปลอม
04) จิตเป็นนามธรรมไม่ได้
05) ภาษาศาสตร์กับภาษาพระพุทธเจ้า

ขอสรุปคร่าวๆ สำหรับคนขี้เกียจเข้าไปอ่านว่า  คำว่า “นามธรรม, รูปธรรม” ไม่มีในพระไตรปิฎก

ในพระไตรปิฎกมีศัพท์แค่ รูปกับ นามเท่านั้น  หลักฐานของผมก็คือ ปฏิจจสมุปบาท ดังนี้

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย  สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย  วิญญาณจึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย  นามรูป จึงมี
เพราะ นามรูป เป็นปัจจัย  สฬายตนะจึงมี
เพราะสฬายตนะเป็น ปัจจัย  ผัสสะจึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย  เวทนาจึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย  ตัณหาจึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย  อุปาทานจึงมี
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย  ภว (ภพ) จึงมี
เพราะภวเป็นปัจจัย  ชาติจึงมี (ความเกิด)
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ (ความเศร้าโศก) ปริเทวะ (ความคร่ำครวญ) ทุกข์(ความทุกข์กาย) โทมนัส (ความทุกข์ใจ) และอุปายาส (ความคับแค้นใจ) จึงมี

นักวิชาการเอาคำว่า “ธรรม” ไปใส่ และตีความใหม่ ให้ความหมายผิดไปจากพระไตรปิฎก เป็นรูปธรรม นามธรรม

จัดให้ รูปธรรม เป็นของมีจริง  นามธรรม ไม่มีจริง  และมีความหมายตรงข้ามกัน

ในพระไตรปิฎก รูป กับ นาม มีความเป็นวัตถุด้วยกัน  รูป มีความหยาบมาก จึงเห็นได้ชัดด้วยตาของกายเนื้อ ส่วน นาม มีความละเอียดมาก ต้องเห็นด้วยตาของกายละเอียดต่างๆ

จิตจึงไม่เป็นนามธรรม อย่างที่ไอ้ควายนรกภูมิธรรม เชื่อไปตามประสาควายของมัน

มาดูข้อความต่อไปของมัน ในที่ผมเน้นสีแดงไว้

1. จิตเป็นนามธรรม มีรูปร่างด้วยหรือ ถ้ามีรูปร่างจะเรียกว่า เป็นนามได้หรือ หลวงพ่อสด ดวงจิตของมนุษย์นี้เท่าดวงตา....

ข้อความที่ว่า “มีรูปร่างด้วยหรือ ถ้ามีรูปร่างจะเรียกว่า เป็นนามได้หรือ” ไม่ได้มีความเป็นเหตุเป็นผลเลย  ควายเท่านั้นที่จะเขียนออกมาอย่างนี้ได้

มันมีความเกี่ยวพันอะไรกันระหว่าง “รูปร่าง” กับ “นาม ควายนรกภูมิธรรมไม่ได้เขียนถึงไว้  พูดง่ายๆ ว่า ไอ้ควายสัตว์นรกตัวนี้ มันไม่รู้อะไร  มันก็เขียนไปตามประสาควายเท่านั้น

ข้อความสุดท้ายที่ว่า “ดวงจิตของมนุษย์นี้เท่าดวงตา...   ตรงนี้ หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวถึงในส่วนละเอียด  ซึ่ง “เห็น” ได้ขณะที่ปฏิบัติธรรมตามวิชาธรรมกาย

ในการจะ “ปฏิเสธ” ข้อความดังกล่าวว่า “ไม่จริง  ไอ้ควายสัตว์นรกมันต้องปฏิบัติธรรมได้สูงพอสมควร ไม่ว่าสายใดก็ได้  แล้วก็ต้องมาว่ากันด้วยเหตุและผลว่า เป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ อย่างไร

ไอ้สัตว์นรกตัวนี้ ไม่ได้มีความรู้อะไรเลย ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม  มันปฏิเสธเอาดื้อๆ ตามประสาความ โดยไม่มีหลักวิชาการใดๆ รองรับ

ผมว่า ไอ้ควายนรกภูมิธรรมนี่  กายละเอียดมันต้องมีเขาขึ้นแล้ว  เหลือแต่กายหยาบนี่แหละ ว่าเขาจะขึ้นมาเมื่อไหร่..


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น