บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์.... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989...
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู...

นิมิต-ดวงปฐมมรรค

เรามาวิพากษ์วิจารณ์ข้อเขียนของพรหมยาน สมองหมาปัญญาควายที่วิพากษ์วิจารณ์ขอเขียนของปราชญ์ขยะในเรื่องวิชาธรรมกายกันต่ออีก 1 บทความ

พรหมยาน สมองหมาปัญญาควายมีคำวิพากษ์วิจารณ์ ดังนี้

ข้อเขียนของปราชญ์ขยะ

ประเด็นอยู่ที่ว่า บางท่านคิดว่าทุกอย่างที่เห็นในการฝึกวิชาธรรมกายเป็นเพียงนิมิต ไม่ใช่ของจริง ซึ่งต้องบอกว่า นิมิตที่เราใช้ คือ ดวงแก้วนั้นเป็นเพียงสื่อ เป็นเพียงที่รวมของใจไม่ให้ซัดส่าย เพื่อรวมใจได้ง่าย

เมื่อกำหนดนิมิตได้แล้ว นิมิตจะเปลี่ยนเป็นดวงธรรม (ดวงปฐมมรรค) เมื่อเปลี่ยนเป็นดวงปฐมมรรค คือ ดวงใสสว่างโชติมีรัศมีปรากฏขึ้นมาทันที ซึ่งการเปลี่ยนจากนิมิตเป็นดวงปฐมมรรคนี้เกิดเร็วมากจนใจเราจับการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน(3)

ข้อเขียนของพรหมยาน สมองหมาปัญญาควาย

พระไตรปิฏก...การเปลี่ยนนิมิตเป็นปฐมมมรรคแบบนี้ไม่มีสอนในพระไตรปิฏกครับ และการเปลี่ยนนิมิตแบบที่วิชาธรรมกายสอนนี้ ก็แสดงถึงการขาดสติในเวลานั่งสมาธิ

เมื่อสติตามนิมิตไม่ทัน จึงเริ่มถูกจิตใต้สำนึกหลอกตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปและเกิดความผิดเพี้ยนอีกมากมายตามมาในที่สุด

ข้อเขียนของผม

ตรงนี้ ผมขอวิพากษ์วิจารณ์คุณปราชญ์ขยะบ้าง คือ ข้อความนี้ การเปลี่ยนจากนิมิตเป็นดวงปฐมมรรคนี้เกิดเร็วมากจนใจเราจับการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน

การเปลี่ยนนิมิตเป็นดวงปฐมมรรคที่โดยไม่รู้ตัวนั้น ไม่ได้เกิดกับทุกคน แต่ส่วนใหญ่เราจะสอนเด็กนักเรียน เขาไม่รู้เรื่องอะไร ครูให้มา เขาก็ต้องมา

พอวิทยากรสอนให้เห็น เขาก็เห็นไปตามวิทยากรสอน เขาจึงไม่รู้ว่า นิมิตเปลี่ยนไปเป็นดวงปฐมมรรคตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่จะรู้

เพราะว่า เมื่อดวงนิมิตเปลี่ยนเป็นดวงปฐมมรรค มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายด้วย  คือ จิตใจจะสงบ มีความสุข ที่เมื่อยปวดมา ง่วงเหงา ซึมเซาหายไปทันที

นอกจากนั้นแล้ว  ในการสอนผู้ใหญ่ เราจะอธิบายการเปลี่ยนแปลงจากดวงนิมิตเป็นดวงปฐมมรรคให้ฟังก่อน  ดังนั้น ผู้ใหญ่จึงจะรู้ว่า ดวงนิมิตเปลี่ยนเป็นดวงปฐมมรรคเมื่อใด

สำหรับข้อเขียนของ พรหมยาน สมองหมาปัญญาควายที่ว่า การเปลี่ยนนิมิตแบบที่วิชาธรรมกายสอนนี้ก็แสดงถึงการขาดสติในเวลานั่งสมาธิ

ผมไม่รู้พรหมยาน สมองหมาปัญญาควายคนนี้ไปเรียนกับวิทยากรท่านไหน จะได้ไปสั่งสอนวิทยากรว่า คนสมองหมา ปัญญาควายๆ อย่างนี้ อย่าไปสอนมัน

แต่สันนิษฐานว่า พรหมยาน สมองหมาปัญญาควาย ไม่เคยได้เรียนวิชาธรรมกายหรอก  มันก็นั่งเทียนเขียนแบบ ตีความเอง เดาเอง มั่วไป ตามประสาควายๆ แบบมัน

การจะวิพากษ์วิจารณ์ ผลของการฝึกวิชาธรรมกายเป็นเช่นไรนั้น ที่ถูกที่ควรแล้ว ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ต้องปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกายจนได้ผลการปฏิบัติอย่างลึกซึ้ง หรือปฏิบัติมานานจนมีความชำนาญในระดับหนึ่ง จึงจะพอมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้บ้าง

ไม่ใช่อ่านตามตัวหนังสือแล้ววิพากษ์วิจารณ์อย่างพรหมยาน สมองหมาปัญญาควายผู้นี้

เมื่อสติตามนิมิตไม่ทัน จึงเริ่มถูกจิตใต้สำนึกหลอกตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป และเกิดความผิดเพี้ยนอีกมากมายตามมาในที่สุด

น่าน...... มีจิตใต้สำนึกมาอีก เป็นลูกศิษย์ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) เสียด้วย


สมองหมาปัญญาควายจริงๆ ไปเอาจิตวิทยาที่เขาไม่ใช้แล้ว มาจับผิดปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ ปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้ จิตวิทยาก็ไม่รู้ แล้วจะมาวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดโทษทำไมก็ไม่รู้

ความรู้ทางจิตวิทยานั้น จะเอามาเปรียบเทียบกับความรู้ในทางวิชาธรรมกายไม่ได้เลย

นักจิตวิทยาจะศึกษาจาก “พฤติกรรมที่แสดงออกของมนุษย์” แล้วก็สันนิษฐานไปตามพฤติกรรม บวกกับ “เดา” เอามั่ง จริงไม่จริง ก็ต้องว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ผลการศึกษาสมัยหลังๆ นี้ พบว่าไม่จริงเสียเยอะ

งานเขียนของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) นั้น เดี๋ยวเขาศึกษากันเป็น “ประวัติศาสตร์ของวิชาจิตวิทยา” มากกว่าที่จะเอามาใช้จริงๆ เพราะ ฟรอยด์ใช้กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาน้อยมาก

นักจิตวิทยารุ่นหลังๆ จึงเห็นว่า ข้อเขียนของฟรอยด์ยอมรับไม่ได้  แต่ไม่ได้หมายความว่า ฟรอยด์เป็นคนโง่หรือเกือบโง่  ฟรอยด์ยังได้รับการยกย่องอยู่

สำหรับวิชาธรรมกายนั้น  ศึกษาไปที่ “ใจ-จิต-วิญญาณ” โดยตรง ไม่ได้ศึกษาที่พฤติกรรม

ตอนนี้ ผมก็ยังขออวยพรให้ พรหมยาน สมองหมาปัญญาควาย จงมีสมองหมาปัญญาควายตลอดไป ในฐานะที่ไม่รู้อะไร แต่มาวิพากษ์วิจารณ์วิชาของธาตุธรรม

เกิดชาติใด หนใด ก็ขอให้พรหมยานจึงมี สมองหมาปัญญาควายไปทุกชาติ ทุกชาติ เทอญ

คำวิพากษ์วิจารณ์ พรหมยาน สมองหมาปัญญาควายยังจะมีภาคต่อไปอีก...........



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น