บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์.... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989...
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู...

ต้องรู้ไม่ใช่เห็น



มาวิพากษ์วิจารณ์ข้อที่ 2 ที่ควายนรกภูมิธรรม มันวิพากษ์วิจารณ์หลวงพ่อวัดปากน้ำ

2. พระไตรปิฏก คำว่า "รู้" เต็มไปหมด หลวงพ่อสด ต้องกล่าว “เห็น”นะ ไม่ใช่กล่าว “รู้” พอเข้าใจข้อ 1 ผิด ข้อ 2 เลยเข้าใจผิดด้วย นึกว่าเห็นได้

เพื่อประกอบคำอธิบาย ขอยกคำเทศน์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ กับ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานอีกครั้งหนึ่ง

ขอยกเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก่อนดังนี้


ขอให้ท่านผู้อ่านดูที่ผมเห็นสีเหลืองไว้ก่อนคือ คำว่า “พิจารณาเห็น

ควายนรกภูมิธรรมมันตาบอดกับคำว่า “พิจารณาเห็น” หรือไงก็ไม่ทราบ  ถึงไม่รู้ว่ามีคำนี้อยู่  ไอ้สัตว์ตัวนี้ นี่มันเลวระยำจริงๆ

เพียงเพื่อต้องการโจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำ มันยินดีที่จะโกหกทุกอย่าง

คำว่า “พิจารณาเห็น” นั้น ผมย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า ควรแปลว่า “ตามเห็น/เห็นเนืองๆ” เพราะ มาจากภาษาบาลีที่ว่า “อนุปัสนา

ปัสนา” แปลว่า เห็น   ส่วน “อนุ” พจนานุกรมให้ความหมายไว้ดังนี้

อนุ คําประกอบหน้าศัพท์บาลีหรือสันสกฤตมีความหมายว่า
น้อยเช่น อนุทิศ = ทิศน้อย,
ภายหลัง, รุ่นหลัง, เช่น อนุชน = ชนรุ่นหลัง,
ตาม เช่น อนุวัต = เป็นไปตาม,
เนือง ๆ เช่น อนุศาสน์ สอนเนือง ๆ คือ พรํ่าสอน. (ป., ส.).

โดยสรุป “อนุปัสนา” ที่พระไตรปิฎกเฉพาะภาษาไทยแปลว่า “พิจารณาเห็น” ทั้งๆ ที่ในแง่ของภาษาศาสตร์แล้ว ต้องแปลว่า “ตามเห็น/เห็นเนืองๆ  ผู้ปฏิบัติจะต้อง “เห็น” ก่อน

ถ้าถามว่า “จะต้องเห็นอะไรบ้าง”  คำตอบก็อยู่ในพระสูตรดังกล่าว ข้อให้พิจารณาในส่วนที่ผมทำกรอบสีแดงไว้  

ในการปฏิบัตินั้น ต้อง ““ตามเห็น/เห็นเนืองๆ  าจิตเป็นอย่างไรใน  9  ประการนี้

- จิตมีหรือไม่มี “ราคะ”, “โทสะ”, “โมหะ”
- จิต “หดหู่”, “ฟุ้งซ่าน” หรือไม่
- จิตเป็นหรือไม่เป็น “มหรคต”, “สมาธิ”
- จิต “มีจิตอื่นยิ่งกว่า” หรือไม่
-  จิต “หลุดพ้น” หรือไม่

เมื่อเห็นแล้ว ก็ “รู้” ไปด้วย  โดยสรุป เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานนี้  ผู้ปฏิบัติจะต้องเห็นก่อน เพราะ เนื้อหาพระสูตรเน้นไปอย่างนั้น   เมื่อเห็นแล้วก็ “รู้”

ระหว่างคำว่า “พิจารณาเห็น/ตามเห็น/อนุปัสสนา” กับ “ก็รู้ชัดว่า” ในเนื้อหาของเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานนั้น ความหมายของความว่า “พิจารณาเห็น/ตามเห็น/อนุปัสสนา” มีความสำคัญกว่า “ก็รู้ชัดว่า

กล่าวคือ ต้องเห็นด้วย และรู้ชัดไปด้วย  แต่การเห็นสำคัญกว่า

ที่นี้มาดูคำเทศน์ของหลวงพ่อกัน





ผมขอให้พิจารณาไปที่ 2 ประโยคที่อยู่แรกสุดกับท้ายสุดเลย

1) จิตล่ะ เห็นจิตในจิต ก็แบบเดียวกันกับเวทนาในเวทนา  เห็นจิตในจิตนี่ ต้องกล่าว “เห็น”นะ ไม่ใช่กล่าว “รู้” นะ เห็นจิตในจิต

2) รู้กับเห็นมันต่างกันนะ เห็นอย่างหนึ่ง รู้อย่างหนึ่งนะ ไม่ใช่เอารู้กับเห็นมาปนกัน ไม่ได้

มาพิจารณากันก่อนว่า ข้อความของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ถูกต้องสอดคล้องกับพระไตรปิฎกตามหลักมหาปเทส 4 หรือไม่

จากที่อธิบายไปด้านบน  ก็จะเห็นว่า คำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ถูกต้องตามหลักของมหาปเทส 4 แล้ว 

ถูกต้องอย่างที่ไม่มีใครหน้าไหนอธิบายได้อย่างนี้มาก่อน

ไอ้ควายนรกภูมิธรรม มันยังหาว่าผิด  ดูระดับความคิด ระดับมันสมองของมันเองเองก็แล้วกัน

ต่อมา ผมขอให้หลักฐานเพิ่มเติมอีก ดังนี้

ขอยกตัวอย่างคำว่า “ญาณทัศนะ/ญาณทัสนะ” เพราะ ข้อความนี้ปรากฏทั่วไปในพระไตรปิฎก  

พจนานุกรมให้ความหมายไว้ดังนี้

ญาณ, น. ปรีชาหยั่งรู้หรือกําหนดรู้ที่เกิดจากอํานาจสมาธิ, ความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ.

ทัศน-, ทัศน์, ทัศนะ, ทัศนา น. ความเห็น, การเห็น, เครื่องรู้เห็น, สิ่งที่เห็น, การแสดง, ทรรศนะ ก็ใช้. (ป. ทสฺสน; ส. ทรฺศน).

ญาณทัสนะ น. ความรู้ความเห็น. (ป.).

เห็นได้ชัดเจนว่า ญาณ = รู้  ทัศนะ/ทัสสนะ = เห็น  หลวงพ่อวัดปากน้ำก็สอนถูกแล้ว  

ที่นี้เข้ามาถึงเรื่องสำคัญที่หลวงพ่อวัดปากน้ำต้องเทศน์ว่า “รู้กับเห็นมันต่างกันนะ เห็นอย่างหนึ่ง รู้อย่างหนึ่งนะ ไม่ใช่เอารู้กับเห็นมาปนกัน ไม่ได้ 

ก็เพราะตอนนั่น พระพม่ากับสาวกพระพม่า มาสอนให้ “รู้” อย่างเดียว  ไม่ได้สอนให้ ทั้งเห็นทั้งรู้  แล้วสอนผิดๆ ว่า “พิจารณาเห็น” คือ ตามรู้ แล้วก็แปลไปอีก เป็นว่า “รู้สึก” อย่างเดียว

ตรงนี้ เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่เคยเชื่อคำสอนของสาวกพระพม่าอย่างมหาโชดก 

และผมคิดว่า การที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเทศน์เรื่องนี้ ก็เพราะ มหาโชดกบังคับให้เข้าอบรมวิชายุบหนอพองหนอนั่นแหละ 

จะสังเกตเวลา เวลาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเทศน์นั้น ใกล้เคียงกับเวลาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำถูกบังคับให้เข้าอบรมวิชายุบหนอพองหนอ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น